BABA – คือ Amazon of China ?
Alibaba Group Holding Limited (BABA)
Alibaba (จดทะเบียนในตลาด NYSE) บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีน ที่หลายๆคนเปรียบเทียบว่าเป็น Amazon ของจีน แต่ Jack Ma ผู้ก่อตั้งและ chair man บอกว่า Alibaba และ Amazon มีโมเดลธุรกิจที่ต่างกัน: Amazon ซื้อและขายสินค้า แต่ Alibaba คือ แพลทฟอร์ม เป็น ecosystem ที่ให้คนอื่นสามารถขายสินค้าและบริการ และสามารถทำให้ทุกๆบริษัทเป็น Amazon ได้ Jack Ma เคยเปรียบเทียบว่า ถ้า Amazon คือผลไม้แอปเปิ้ลที่ดีเยี่ยม, Alibaba คือต้นแอปเปิ้ล (We think if Amazon is a great apple, we’re an apple tree)
BABA มีอัตราการเติบโตที่น่าประทับใจ โดยระหว่างปี 2013-2017 มี การเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 36% CAGR ในขณะที่ EBITDA ก็โตในทิศทางเดียวกันที่ปีละ 35% CAGR
ณ กันยายน 2018, กลุ่มธุรกิจของ Alibaba มี user รวมกัน 666 ล้าน mobile MAUs และมี 601 ล้าน annual active consumer เติบโตอย่างต่อเนื่อง
Alibaba ได้แบ่งธุรกิจตัวเองออกเป็น Core commerce, Cloud computing, Digital media and entertainment และ Innovation initiatives and others
Core commerce:
ซึ่งสร้างรายได้สูงถึง 85% ให้กับ BABA, มี EBITDA margin 41%, แบ่งย่อยธุรกิจเป็น
- China Commerce Retail โดยที่เด่นๆ ได้แก่
- Taobao.com เป็นแพลทฟอร์มเวปไซต์สำหรับผู้ขาย local ลงขายสินค้าให้กับผู้ซือ local
- TMall.com สำหรับให้แบรนด์มีชื่อเสียงต่างๆมาเปิดร้านลงขายสินค้าในเวป ให้กับผู้ซื้อ local ในจีน
- HEMA ที่บริษัทเรียกว่าเป็น New Retail คือ เป็น supermarket ที่เชื่อมต่อระหว่าง online และ offline ปัจจุบันมี 77 สาขา ในเมืองที่เป็น tier 1 และ 2 ของจีน
- China Commerce Wholesale ให้บริการในชื่อ com (ภาษาจีนออกเสียงว่า yi liu ba ba ซึ่งพ้องกับคำว่า Alibaba)
- International Commerce Retail ได้แก่
- AliExpress ที่หลายคนเริ่มจะคุ้นเคยและเคยสั่งซื้อจากเวปนี้แล้ว ของถูกมาก เช่น เคสไอโฟน อันละ 30 บาท ส่งฟรี และเวปนี้เป็นเวปที่มีคนเข้ามากสุดในประเทศรัสเซีย
- Lazada ที่เป็นผู้นำในตลาด e-commerce ในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Alibaba ได้เข้ามาผู้ถือหุ้นใหญ่เมื่อปี 2016 และเข้ามาบริหารเต็มตัว โดยส่งหนึ่งในผู้บริหาร Alibaba มาคุมทัพในปี 2018)
- International Commerce Wholesale ให้บริการในชื่อ Alibaba.com
- Cainiao Logistics Services
- Consumer Services บริการเด่นๆคือ me เป็นบริการ food delivery ซึ่งในปี 2018 Starbucks ก็ได้เข้ามาเป็น partner ให้บริการส่งกาแฟในประเทศจีน
ไตรมาส Sep/18 ธุรกิจ Core Commerce มีรายได้เติบโตขึ้น 56% เทียบกับปีก่อน แต่ในธุรกิจนี้ มีถึง 4 กลุ่ม ที่ยังไม่มีกำไร (แต่ BABA มองว่าเป็นการลงทุนที่สำคัญ เพื่อการเติบโตในอนาคต) ได้แก่ Consumer Service: Ele.me, Lazada, New Retail และ Cainiao Logistics โดยในงบไตรมาส Sep/18 นี้, 4 กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีผลขาดทุน (EBITDA) รวมกัน 5,835 ล้านหยวน แต่ก็ยังทำให้ธุรกิจ Core Commerce โดยรวม มีผลกำไร (EBITDA) 29,807 ล้านหยวน โตขึ้น 13% จากปีก่อน
Cloud Computing:
รายได้คิดเป็น 7% ของบริษัท, ให้บริการ cloud service ในชื่อ Alibaba Cloud หรือ Aliyun
มีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ในจีน นำหน้า Baidu และ Tencent แต่ยังห่างจาก Amazon ค่อนข้างเยอะ
ในไตรมาส Sep/18 รายได้โตถึง 90% เทียบกับปีก่อน แต่ยังมี EBITDA เป็นลบอยู่
Digital Media and Entertainment:
มีบริการเช่น Youku ให้บริการ online video, สร้างรายได้ให้บริษัทคิดเป็น 7% ของภาพรวม แต่มี EBITDA margin ติดลบสูงถึง 64% โดย BABA บอกว่า เป็นเพราะมีการลงทุนผลิต original content เอง รวมทั้งค่าซื้อลิขสิทธิ์หนัง ภาพยนตร์ต่างๆ
Innovation initiatives and others:
เช่น บริการ AMap แอพพลิเคชั่นให้บริการแผนที่ที่ใหญ่สุดในจีน สร้างรายได้ 1% แต่มี EBITDA margin ติดลบสูงถึง 116% เพราะธุรกิจส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงลงทุน ลองผิดลองถูกอยู่
นอกจากลุ่มธุรกิจด้านบนแล้ว Alibaba ยังได้ใส่เงินลงทุนในธุรกิจต่างๆอีกมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และที่สำคัญได้ถือหุ้น 1/3 ของบริษัท Ant Financial ที่เป็นบริษัทแม่ของ Alipay โดย Ant Financial ซึ่งมีแผนที่จะ IPO เร็วๆนี้ ได้รับการประเมินว่ามีมูลค่าสูงถึง 150 พันล้านเหรียญสหรัฐ (BABA มีมาร์เก็ตแคป 390 พันล้านเหรียญ ที่ราคา $150 ต่อหุ้น)
BABA ทำราคาสูงสุดที่ $211 ในเดือน มิถุนายน 2018 แต่พอมีประเด็นเรื่อง trade war ระหว่าง สหรัฐ กับจีน ราคาหุ้นก็ไหลลงมาเรื่อยๆ มาต่ำสุดที่ $130 หรือคิดเป็นการลดลงถึง 38% ไม่มีใครรู้ว่า trade war จะยืดเยื้อนานแค่ไหน และคงต้องยอมรับว่า trade war นั้นมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน เพราะอเมริกาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของจีน เมื่อจีนขายสินค้าให้อเมริกาได้ยากขึ้น คนจีนก็มีรายได้ลดลง ความสามารถจับจ่ายของคนในประเทศก็ลดลง จริงอยู่ที่ BABA มีลูกค้าหรือรายได้หลักจากคนจีน ไม่ใช่อเมริกา แต่ถ้าคนในประเทศมีเงินในกระเป๋าน้อยลง ย่อมส่งผลกับรายได้ของ BABA อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็สามารถมองเป็นโอกาสได้ ถ้าเชื่อว่า Alibaba ยังโตได้ต่อเนื่อง, trade war จะสิ้นสุดลง และราคาที่ตกลงมานั้น มากเกินไป
You must be logged in to post a comment.