Kerry Logistics (0636) – โตมากในไทย แต่ที่อื่น?
ทุกคนทราบดีว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียนั้นเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการ platform หลายๆรายยอมขาดทุน ลด แลก แจก แถม เพื่อดึงผู้ซื้อเข้าระบบของตน การทุ่มตลาดของผู้เล่นทุกรายในตลาด ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซยิ่งโตมากขึ้น และธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับตลาดอีคอมเมิร์ซก็คือ ธุรกิจขนส่งสินค้า หรือ Logistics
Kerry Logistics Network Limited จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ใช้ชื่อย่อว่า 0636 เป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำธุรกิจให้บริการขนส่ง Logistics ครอบคลุม 51 ประเทศทั่วโลก โดยมีตลาดหลักในประเทศฮ่องกง, จีน และเอเชีย
ปี 2017 Kerry มีรายได้รวม 30,788 ล้านเหรียญฮ่องกง (1.3 แสนล้านบาท) เติบโต 28% จากปี 2016 มีกำไรสุทธิ 2,116 ล้านเหรียญฮ่องกง (8,891 ล้านบาท) แต่ถ้าหักกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองไว้ Kerry จะมีกำไรจากธุรกิจหลัก (core net profit) ที่ 1,183 ล้านเหรียญฮ่องกง (4,970 ล้านบาท) โตจากปีก่อนหน้า 7%, ปี 2017 Kerry มี operating margin อยู่ที่ 7.7%
Kerry มี Logistics Facilities (ports, terminals, logistics center และ warehouses) รวม 52 ล้านตร.ฟุต โดยมีทั้งแบบที่ลงทุนก่อสร้างเป็นเจ้าของเอง และเช่า (อย่างละครึ่งๆ) โดยที่ facilities กว่า 94% นั้นจะอยู่ในเอเชีย
Kerry แบ่งกลุ่มธุรกิจเป็นสองส่วนหลัก คือ
- ธุรกิจ Integrated Logistics (IL) โดยแบ่งย่อยเป็น Logistics Operation และ Hong Kong Warehouse
- International Freight Forwarding (IFF)
รายได้ของ Kerry จะมาจาก ธุรกิจ IL 44% และ IFF 56% แต่กำไรกว่า 80% ของบริษัทจะมาจากธุรกิจ IL เพราะ ธุรกิจ IFF นั้นมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ต่ำเพียง 3% เทียบกับ IL ที่อยู่ที่ 13.6%
เมื่อแบ่งรายได้ตามภูมิภาคหรือประเทศ จะพบว่ารายได้ของ Kerry จะมาจาก จีน 29.5%, ฮ่องกง 13.3% และเอเชีย (ไม่รวม จีน ฮ่องกง ไต้หวัน) 21%
แต่ถ้าดูที่กำไรสุทธิ จะพบว่า Kerry ทำกำไรจากตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ได้ค่อยข้างน้อย เพราะKerry มีค่า overhead และการแข่งขันที่สูงขึ้นในประเทศจีน สังเกตว่า ปี 2017 Kerry ทำรายได้จากจีนแผ่นดินใหญ่ได้มากขึ้น 13% แต่กำไรกลับลดลง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ส่วนตลาดที่เติบโตอย่างมากของ Kerry คือตลาดเอเชีย (ไม่รวม จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน) ในปี 2017 รายได้จากภูมิภาคนี้โตขึ้น 46% ในขณะที่กำไรก็โตขึ้นในทิศทางเดียวกันที่ 47% โดยตลาดที่โดดเด่นและ Kerry ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือประเทศไทย ที่ให้บริการในชื่อKerry Express
Kerry พยายามขยายโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งโดยเฉพาะในเอเชีย โดยยึดตามแผน เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 หรือ Belt and Road initiative ของรัฐบาลจีน (โครงการนี้ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างนัก เริ่มมีการต่อต้านจากประเทศต่างๆ เพราะกลัวว่าจีนจะเข้ามาครอบครองเศรษฐกิจของประเทศตน)
Kerry Express ในประเทศไทย จดทะเบียนในนามบริษัท บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ KLN (Thailand) ถือหุ้นอยู่ 80% โดยที่ KLN (Thailand) เป็นบริษัทย่อยของ Kerry Logistics Network Limited (บริษัทแม่) อีกทีหนึ่ง
ปี 2017 เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) มีรายได้อยู่ที่ 6,673 ล้านบาท หรือ 1,588 ล้านเหรียญฮ่องกง โดยมีอัตราการเติบโต 100% เทียบกับปี 2016 และมีกำไรสุทธิที่ 733 ล้านบาท หรือมีอัตรากำไรสุทธิ 11%
เมื่อคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทแม่, เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จะทำรายได้ให้กลุ่มบริษัท Kerry อยู่ที่ 4.1%
เมษายน 2018 บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ได้เข้าซื้อหุ้น เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ในสัดส่วน 23% ด้วยเงิน 5,900 ล้านบาท ทำให้ Kerry แม่ เหลือหุ้นใน Kerry Express 63% และเมื่อคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นใหม่ของบริษัทแม่ จะได้ว่า เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จะทำรายได้ให้กลุ่มบริษัท Kerry เหลือเพียง 3.2% และทำกำไรสุทธิคิดเป็น 5.5% ของกำไรรวมทั้งกลุ่ม
ในขณะที่ VGI ปี 2016/17 มีรายได้รวม 4,080 ล้านบาท เมื่อคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นของ VGI ใน Kerry Express (23%) จะได้ว่า รายได้และกำไรสุทธิ จากเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จะคิดเป็นประมาณ 22% และ 17% ของรายได้และกำไรรวมทั้งหมดของ VGI ตามลำดับ
สรุปว่า กำไร ของ VGI 100 บาท จะมาจาก Kerry Express ไทย 17 บาท ในขณะที่กำไรของ Kerry แม่ 100 บาท จะมาจาก Kerry Express ไทย 5.5 บาท
ธันวาคม 2018, VGI มี PE = 68, Kerry แม่ที่ฮ่องกง (0636) มี PE = 11
เนื่องจากเราอยู่ในประเทศไทย และได้เห็นกับตาว่า Kerry Express นั้นเติบโตอย่างมาก ถ้าเราอยากลงทุนกับ Kerry Express ก็จะมีทางเลือกอยู่สองทางคือ หนึ่งลงทุน กับ VGI หรือ สอง ลงทุนกับ Kerry บริษัทแม่ ที่ฮ่องกง
การลงทุนกับ VGI จะได้สัดส่วนกำไรจาก Kerry Express มากกว่าการลงทุนโดยตรงกับ Kerry ที่ฮ่องกง เมื่อเทียบกับขนาดบริษัท
อย่างไรก็ตาม VGI ก็มี PE ที่สูงกว่า Kerry แม่ถึง 6 เท่า แต่การเลือกลงทุนกับ บริษัทแม่ที่ ฮ่องกง ก็อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ชัดเจนขนาดนั้น เพราะถึงแม้ Kerry Express ในไทย จะเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่า Kerry ในประเทศต่างๆนั้นจะโตตามด้วย ตัวอย่างเช่นในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เริ่มเห็นอัตราการทำกำไรที่ลดลง เนื่องจากการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะจาก Cainiao บริษัทโลจิสติกส์ ที่ Alibaba ของ Jack Ma เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
Chairman ของ Kerry ได้เขียนไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่าเขาทราบดีว่า อุตสาหกรรมโลจิสติกส์นั้น Every country is different; every customer is different. Each sector has its own particular characteristics.
แต่การที่ Kerry มี PE 11 เท่า ก็ดูน่าสนใจและน่าติดตามอยู่ครับ